ดิว.นินจา

ดิว.นินจา

Sunday, November 26, 2017

การติดตั้งและแก้ปัญหาไลบรารีสำหรับ ESP32 เพื่อใช้งานกับ Arduino IDE และ NETPIE

Update : บทความนี้ได้เขียนขึ้นในขณะที่ ESP32 เพิ่งออกสู่ตลาดเป็นเวลาไม่นาน ทำให้ขั้นตอนการติดตั้งเครื่องมือพัฒนามีความยุ่งยากโดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น ณ ปัจจุบันการติดตั้ง ESP32 Arduino Core สามารถทำผ่าน Board Manager เช่นเดียวกับ ESP32 Microgear ที่ใช้ Library Manager ช่วยให้มีความสะดวกในการติดตั้งมากกว่าวิธีที่นำเสนอในบทความนี้ ดังนั้นเนื้อหาในบทความนี้จึงถูกเก็บไว้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น แนะนำผู้อ่านติดตั้งเครื่องมือผ่าน Arduino IDE ซึ่งจะง่ายเหมือนกับการติดตั้งเครื่องมือ ESP8266

21 ตค 2562 : อ่านวิธีการติดตั้งล่าสุดได้จากภาคผนวก A บนเพจของหนังสือ "คู่มือนักพัฒนาไอโอที"


เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงได้ยินชื่อ ESP32 หรืออาจจะเคยลองเล่นบ้างแล้ว ESP32 เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากบริษัท Espressif ผู้ผลิต ESP8266 ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยชิพตัวใหม่นี้มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าหลายประการเช่น สามารถพัฒนาการสื่อสารทั้ง WiFi และ Bluetooth มีจำนวน ADC มากกว่า มีเอาต์พุต DAC มี 2 cores ฯลฯ วัตถุประสงค์ของบทความนี้มิใช่เป็นการลงรายละเอียดด้านฮาร์ดแวร์ของ ESP32 แต่เพียงเพื่อแนะนำการติดตั้งและแก้ปัญหาสำหรับผู้เริ่มใช้งานใหม่ ณ เวลาปัจจุบันที่เขียนนี้ (พย. 2560) ทั้งนี้เนื่องจากไลบรารีที่เกี่ยวข้องกับ ESP32 ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาทำให้อาจเกิดปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของซอฟต์แวร์ ซึ่งคงจะถูกปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นในอนาคต

มีแหล่งข้อมูลหลายที่ที่กล่าวถึงการติดตั้งไลบรารีและเครื่องมือสนับสนุนของ ESP32 เพื่อให้ใช้งานได้กับ Arduino IDE ตัวผู้เขียนได้ใช้วิธีที่นำเสนอในหนังสือ “การใช้งาน ESP32 เบื้องต้น” เรียบเรียงโดย สนธยา นงนุช ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับ ESP32 ที่ดีมากเล่มหนึ่ง ท่านสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บ www.ioxhop.com ซึ่งมีผลิตภัณฑ์บอร์ด ESP32 จากหลายบริษัทจำหน่ายด้วย ดังนั้นในบทความนี้จะไม่กล่าวถึงการติดตั้งโดยละเอียด แต่จะเน้นตรงส่วนการแก้ปัญหาเพื่อให้ท่านสามารถใช้งาน NETPIE ได้

สำหรับไลบรารี microgear ที่ช่วยให้ ESP32 ใช้งานร่วมกับ NETPIE ได้นั้น ขณะที่เขียนบทความนี้ยังไม่มีไลบรารีอย่างเป็นทางการจากทีมพัฒนา NETPIE แต่เราสามารถจะใช้ไลบรารี ESP32_Microgear “แล่มเลย” ที่พัฒนาโดยคุณ ณรงค์ ประสารศักดิ์ ซึ่งผู้เขียนได้ทดลองใช้เบื้องต้นแล้วพบว่าใช้งานได้ดี โดยเมื่อติดตั้งไลบรารีให้ทำงานได้แล้ว ทางด้านของ NETPIE คือ application ID , keys, secrets, freeboard, feed และการตั้งค่าใน widgets ต่างๆ ไม่ต้องมีการแก้ไขใดๆ รวมถึงฟังก์ชันของ microgear ที่เคยใช้กับ ESP8266 ก็ใช้งานได้ทันทีไม่ต้องแก้โค้ด ส่วนที่ต้องแก้คือการใช้โมดูลและขาเอาต์พุตแอนะล็อก และส่วนการใช้ไทเมอร์ที่แตกต่างจาก ESP8266

ในบทความนี้จะอธิบายเฉพาะส่วนการติดตั้งไลบรารีของ ESP32 และ ESP32_Microgear “แล่มเลย” และการแก้ปัญหาหากไม่ทำงาน ในอนาคตหวังว่าท่านคงจะไม่ต้องย้อนมาอ่านบทความนี้อีกแล้วเมื่อปัญหาต่างๆ ถูกปรับปรุงแก้ไขและมีคู่มือที่สมบูรณ์จากผู้พัฒนาในแต่ละส่วน

ฮาร์ดแวร์ ESP32 ที่หาได้ง่าย

มีหลายบริษัทที่ผลิตบอร์ด ESP32 แต่จะแสดงเฉพาะที่หาได้ง่ายในประเทศไทย จากซ้ายมาขวาในรูปที่ 1 และ 2 ได้แก่ ESP32 DevKit V1 โดย www.doit.am, NodeMCU ESP-32S, และ WEMOS Lolin 32 ได้ทดสอบเบื้องต้นแล้วแล้วพบว่าใช้งานได้ดีทั้ง 3 บอร์ด ส่วนตัวผู้เขียนชอบการออกแบบของ LOLIN32 ที่ขาคอนเนกเตอร์ไม่สมมาตร เป็นตัวช่วยบังคับทิศทางไม่ให้ผู้ใช้เสียบกลับด้านในกรณีนำไปใช้กับวงจรอื่นที่ออกแบบบน PCB ดังนั้นในบทความนี้จะทดลองกับ LOLIN32 หากท่านใช้ผลิตภัณฑ์อื่นก็เพียงแต่เลือกจากเมนูให้ตรงกับบอร์ดที่ใช้เท่านั้นเอง

รูปที่ 1 ด้านบนของบอร์ด ESP32 ที่หาได้ง่ายในประเทศไทย
รูปที่ 2 ด้านล่างของบอร์ด

เราจะทดสอบบอร์ดกับ PCB LAG3 ที่ใช้ในหนังสือ “ตัวควบคุมป้อนกลับบนอินเทอร์เน็ตโดย ESP8266” โดยใช้ปรินต์อเนกประสงค์สำหรับ Arduino shield ช่วยแปลงขาดังในรูปที่ 3

รูปที่ 3 ใช้ปรินต์ Arduino shield prototype ช่วยแปลงขา LOLIN32

โดยบอร์ด LAG3 Ver 1.0 ออกแบบให้ใช้งานได้กับ Arduino ที่มี form factor เหมือน UNO อยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถประกบเข้าด้วยกันได้ดังในรูปที่ 4

รูปที่ 4 การใช้งานบอร์ด LAG3 กับ LOLIN32 ผ่าน prototype shield

สรุปขาของ ESP32 ที่ใช้งานในการทดลองนี้

ขา GPIO # ฟังก์ชัน ต่อกับ
39 ADC3 เอาต์พุต y ของวงจร LAG3
22 SCL I2C ของ OLED
21 SDA I2C ของ OLED
19 PWM Red LED
18 PWM Green LED
17 PWM Blue LED
16 PWM เอาต์พุตตัวควบคุมแบบ PWM
25 DAC1 เอาต์พุตตัวควบคุมแบบ DAC
5 Digital Output LED บนบอร์ด LOLIN32

ข้อดีของ ESP32 คือสามารถเลือกใช้เอาต์พุตที่เป็นแบบ DAC ทำให้ได้สัญญาณแอนะล็อกที่เรียบ มีความละเอียด 8 บิต ซึ่งเพียงพอสำหรับงานควบคุมนี้ ถ้าต้องการความละเอียดสูงขึ้นต้องเลือกเอาต์พุต PWM

ติดตั้ง Arduino Core สำหรับ ESP32

ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาบน ESP32 โดยใช้ Arduino IDE เราต้องติดตั้งส่วนที่เรียกว่า Arduino Core สำหรับ ESP32 โดยจะไปเก็บไว้ใน /Documents/Arduino/hardware ในหนังสือ การใช้งาน ESP32 เบื้องต้น โดยสนธยา นงนุช ได้อธิบายการติดตั้งไว้โดยละเอียดในบทที่ 4 ซึ่งสามารถอ่านออนไลน์ได้ที่ ลิงก์ของ ioxhop.com

ในที่นี้ตั้งสมมุติฐานว่าท่านติดตั้ง Arduino IDE แล้ว การติดตั้ง Arduino Core สำหรับ ESP32 สรุปขั้นตอนได้คือ

  1. . ติดตั้งโปรแกรม Git Bash ที่จะช่วยในการดึงซอฟต์แวร์ล่าสุดมาใส่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
  2. รัน Git Bash และพิมพ์คำสั่งเพื่อติดตั้งไฟล์ทั้งหมด จากตัวอย่างนี้จะรวมอยู่ที่ /Documents/Arduino/hardware/espressif/esp32
  3. เข้าไปที่ไดเรคทอรีย่อย tools และคลิกรัน get.exe เพื่อติดตั้งคอมไพเลอร์และเครื่องมือต่างๆ

หากท่านยังไม่เคยติดตั้งและเริ่มทำในเวลานี้ จะได้ไฟล์ทั้งหมดที่สามารถใช้งานได้กับ “แล่มเลย” ที่จะติดตั้งต่อไปโดยไม่มีปัญหา

เมื่อทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้แล้ว ตรวจสอบว่าสมบูรณ์หรือไม่โดยรัน Arduino IDE คลิกเมนู Tools และเลือกบอร์ด จะเป็นว่ามีส่วนของ ESP32 Arduino ที่สามารถเลือกบอร์ดต่างๆ ของ ESP32 ได้ดังในรูปที่ 5

รูปที่ 5 เมนูสำหรับเลือกบอร์ด ESP32 หลังจากติดตั้ง Arduino Core สมบูรณ์

ปัญหาสำหรับผู้เคยติดตั้ง ESP32 Arduiono Core ก่อนหน้านี้

หากท่านเคยเล่น ESP32 มาพักหนึ่งแล้วและติดตั้ง Arduino Core มาก่อนหน้านี้ อาจจะต้องอัพเดทไฟล์ทั้งหมดใหม่มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาใช้ ESP32 Microgear ไม่ได้ วิธีการเช็คง่ายๆ คือเข้าไปที่ /Documents/Arduino/hardware/espressif/esp32/libraries และดูว่ามีไดเรคทอรี่ย่อย EEPROM อยู่ดังในรูปที่ 6 หรือไม่

รูปที่ 6 ไดเรคทอรีย่อย EEPROM ที่จำเป็นสำหรับ ESP32 Microgear

ไลบรารีนี้จำเป็นสำหรับ ESP32 Microgear ถ้าไม่มีท่านต้องอัพเดทไฟล์ทั้งหมด วิธีการง่ายๆ ที่ผู้เขียนใช้คือลบไดเรคทอรี /Documents/Arduino/hardware/expressif/esp32 ไปเลยแล้วรัน git bash กดแป้มพิมพ์ลูกศรชี้ขึ้นเพื่อดึงคำสั่งเก่าที่เราเคยพิมพ์ไว้แล้วรัน ก็จะได้ไฟล์ล่าสุดลงในเครื่องดังในรูปที่ 7

รูปที่ 7 การลง Arduino Core for ESP32 ล่าสุดโดย Git

หากท่านหาคำสั่งไม่เจอ พิมพ์หรือ copy คำสั่งนี้ไปและกด [Enter]

$ mkdir ./Documents/Arduino/hardware/espressif -p&&cd ./Documents/Arduino/hardware/espressif&&git clone https://github.com/espressif/arduino-esp32.git esp32

หลังจากนั้นเข้าไปที่ไดเรคทอรีย่อย tools และคลิกรัน get.exe เพื่อติดตั้งเครื่องมือดังในรูปที่ 8 - 10

รูปที่ 8 คลิก get.exe เพื่อติดตั้งเครื่องมือสำหรับ ESP32
รูปที่ 9 หน้าต่างแสดงเครื่องมือกำลังถูกติดตั้ง
รูปที่ 10 เมื่อเครื่องมือถูกติดตั้งเรียบร้อย

มาถึงขั้นนี้คือ Arduino Core ถูกติดตั้งเรียบร้อย เป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าท่านอาจจะลองโปรแกรมง่ายๆ ให้ LED บนบอร์ดกระพริบเพื่อทดสอบว่าสามารถคอมไพล์และโหลดโปรแกรมได้ เราขอข้ามขั้นตอนนี้ไป

หมายเหตุ: ขณะที่เขียนบทความนี้ เวลาใช้งานจะมีข้อความเตือนขึ้นว่า invalid library found in … สาเหตุเนื่องมากจากไลบรารี /esp32/libraries/BLE (เกี่ยวกับBluetooth Low Energy) ที่ติดตั้งมาเป็นไดเรคทอรีว่างๆ ไม่มีอะไร คาดว่าคงยังไม่ได้พัฒนาหรือว่าลืมก็ไม่รู้ ท่านไม่ต้องสนใจคำเตือนนี้ แต่หากรำคาญอาจจะลบไดเรคทอรีนี้ทิ้งไปเลย คำเตือนก็จะหายไป

แก้ไขโปรแกรมบน ESP8266 เดิม

เราต้องการทดสอบตัวอย่างเดิมเดิมกับฮาร์ดแวร์ใหม่ ขั้นตอนที่ต้องแก้ไขโปรแกรมมากที่สุดคือการปรับให้ตัวควบคุมป้อนกลับเดิมที่เขียนสำหรับ ESP8266 ทำงานได้บน ESP32 ซึ่งมีรายละเอียดมากเกินกว่าจะเขียนเป็นบทความสั้นได้ จึงจะรวบรวมไว้ในหนังสือในอนาคต หลักๆ ที่ต้องแก้ไขคือ

  1. ณ เวลาที่เขียนนี้ ESP32 ไม่มีฟังก์ชัน analogWrite() ต้องใช้ฟังก์ชัน ledcWrite() หรือ dacWrite() แทน
  2. การตั้งค่าและใช้งาน timer แตกต่างจาก ESP8266 โดยสิ้นเชิง และ ณ ปัจจุบันไม่สนับสนุนการใช้ FPU ดังนั้นจะไม่สามารถใช้ตัวแปรแบบ float ในไทเมอร์ได้ ต้องเปลี่ยนเป็นแบบ double ที่ใช้ซอฟต์แวร์
  3. ไลบรารีของ Adafruit OLED ต้องเปลี่ยนเป็นที่ใช้งานได้กับ ESP32 และการแสดงผลยังไม่ดีนักเมื่อเทียบกับไลบรารี ESP8266 (ฟอนต์ตัวใหญ่ทำให้ได้จำนวนบรรทัดน้อยลง ไม่ทราบว่าปัจจุบันปรับปรุงแล้วหรือยัง)

รายละเอียดเหล่านี้จะได้อธิบายและสาธิตในช่วงท้ายของ workshop ตัวควบคุมป้อนกลับบนอินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยให้ผู้เข้าอบรมสามารถเริ่มต้นพัฒนาบน ESP32

คอมไพล์และอัพโหลด จะเห็นข้อความประมาณในรูปที่ 11 ซึ่งเป็นตัวสีแดงและมีมากมายจนน่าตกใจ แต่ไม่มีคำว่า Error อะไร รอจนอัพโหลดครบ 100% และจบที่ Hard resetting …

รูปที่ 11 ข้อความแสดงขณะดาวน์โหลด

ในที่สุดเราก็สามารถทำให้ตัวควบคุมทำงานได้บน LOLIN32 ดังในรูปที่ 12 โดยในขณะนี้ยังไม่มีการรับส่งข้อมูลกับ NETPIE เพราะต้องลงไลบรารี “แล่มเลย” ก่อน

รูปที่ 12 ตัวควบคุมใหม่ทำงานบน LOLIN32

ติดตั้งไลบรารี “แล่มเลย”

ระหว่างที่รอ official Microgear library จากทีมพัฒนา NETPIE ตอนนี้เราสามารถใช้ไลบรารี ESP32_Microgear “แล่มเลย” โดยคุณณรงค์ ประสารศักดิ์ ซึ่งทดสอบแล้วว่าสามารถใช้งานได้ดีโดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดในส่วน NETPIE จากที่ใช้ ESP8266 เดิม ซึ่งถ้าท่านได้อัพเดท Arduino Core สำหรับ ESP32 ตามที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้แล้ว การติดตั้งในส่วนนี้จะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

หมายเหตุ: เพื่อลดจำนวนข้อความที่ต้องพิมพ์ในเนื้อหา นับแต่นี้ต่อไปเมื่อพูดถึง ESP32 Microgear จะหมายถึงไลบรารีของ “แล่มเลย”

เริ่มต้นเราเข้าไปที่ github ของ lamloei/ESP32_Microgear ที่ลิงก์ https://github.com/lamloei/ESP32_Microgear หน้าตาดังในรูปที่ 13 คลิกที่ปุ่ม [Clone or download] สีเขียวทางด้านขวาและเลือก [Download ZIP] เราจะได้ไฟล์ ESP32_Microgear-master.zip มาที่เครื่องเรา (ปกติจะอยู่ในไดเรคทอรี Download)

รูปที่ 13 github ของ “แล่มเลย” ESP32 Microgear

การติดตั้งจะทำเหมือนกับไลบรารีอื่นๆ คือย้าย .zip ไฟล์นี้ไปอยู่ในไดเรคทอรีย่อย libraries ของ Arduino IDE ตัวอย่างในเครื่องผู้เขียนคือ D:\Program Files\Arduino\arduino-1.8.5\libraries แล้วแตกไฟล์ออก จะได้ไดเรคทอรีย่อย ESP32_Microgear-master ดังในรูปที่ 14

รูปที่ 14 ไดเรคทอรีย่อย ESP32_Microgear-master หลังจากแตกไฟล์ .zip

เมื่อคลิกดูภายในไดเรคทอรี่ย่อยนี้จะเห็นไฟล์ดังในรูปที่ 15 ยืนยันว่าการลงไลบรารีถูกต้องพร้อมใช้งาน (ปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับผู้เริ่มต้นเมื่อ คือเมื่อแตกไฟล์ .zip แล้วยอมรับค่า destination path ที่เป็น default ผลที่ได้คือจะสร้างไดเรคทอรีย่อย ESP32_Microgear-master ซ้อนข้างในอีก 1 ชั้นและทำให้ Arduino IDE หาไม่พบ)

รูปที่ 15 ภายในไดเรคทอรีย่อย ESP32_Microgear-master

ถ้าเปิด Arduino IDE อยู่ก่อนหน้านี้ ให้ปิดแล้วเปิดใหม่เพื่อให้ Arduino รู้ว่ามีการติดตั้งไลบรารีใหม่

ทดสอบการติดต่อกับ NETPIE ขั้นพื้นฐาน

เมื่อติดตั้งไลบรารี ESP32 Microgear แล้ว เริ่มทดสอบขั้นพื้นฐานโดยใช้โปรแกรม basic.ino ที่อยู่ในไดเรคทอรีย่อย examples อย่าลืมแก้ไขข้อมูลตรงส่วนต้นโปรแกรม คือ ssid และ password ของ WiFi ที่เราใช้ และ APPID, KEY, SECRET ให้ตรงกับที่เราสร้างไว้ใน NETPIE

คอมไพล์และโหลดโปรแกรม ถ้าคอมไพล์ไม่ผ่านและแสดง error ว่าหา EEPROM.h ไม่พบ แสดงว่ายังไม่ได้อัพเดท Arduino Core ให้กลับไปอ่านหัวข้อ “ปัญหาสำหรับผู้ติดตั้ง ESP32 Arduino Core ก่อนหน้านี้” ด้านบน

ถ้าคอมไพล์และโหลดโปรแกรมสำเร็จ เปิด serial monitor จะเห็นว่าสามารถเชื่อมต่อกับ NETPIE ได้โดยมีข้อความลักษณะเหมือนที่แสดงในรูปที่ 16

รูปที่ 16 ข้อความแสดงว่าเชื่อมต่อกับ NETPIE สำเร็จ

ถ้าหากไม่ได้ตามนี้ ให้ลองสังเกตเอาต์พุตใน serial monitor

  1. ถ้าขึ้น starting และมี . . . แสดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ขึ้น WiFi connected ซะที ปัญหาจะอยู่ที่เชื่อมต่อ WiFi ไม่ได้ ลองเช็คว่า ssid กับ password ถูกต้องหรือไม่ หรือบางทีสัญญาณ WiFi นั้นไม่แรงพอ อาจจะสร้าง WiFi hotspot ขึ้นชั่วคราวจากมือถือแทน
  2. ถ้าขึ้น WiFi connected และแสดง IP address หลังจากนั้นนิ่ง แสดงว่าเชื่อมต่อกับ NETPIE ไม่ได้ ให้ตรวจสอบว่า APPID, KEY, SECRET ตรงกับที่เราสร้างไว้ในบัญชี NETPIE หรือไม่ ถ้าข้อมูลถูกต้อง ปัญหาอาจเกิดจากไลบรารีไม่อัพเดต ให้ย้อนกลับไปอ่านหัวข้อ “ปัญหาสำหรับผู้ติดตั้ง ESP32 Arduino Core ก่อนหน้านี้” ด้านบน

ทดสอบองค์ประกอบหลักอื่นๆ ใน NETPIE

ถ้าหากท่านรัน basic.ino ผ่าน แสดงว่าการติดตั้งทุกอย่างถูกต้องสมบูรณ์ โปรแกรมใดๆ ที่เคยเขียนให้ ESP8266 ติดต่อกับ NETPIE เดิม จะสามารถแก้ไขให้รันบน ESP32 ได้โดยไม่ต้องมีการแก้ไขฟังก์ชันส่วนที่ใช้ติดต่อกับ NETPIE เลย หรือทุกสิ่งที่สร้างไว้ในบัญชี NETPIE ก็สามารถใช้ของเดิมได้หมด

ยกตัวอย่างโปรแกรม ex6_4.ino ในบทที่ 6 ของหนังสือ “ตัวควบคุมป้อนกลับบนอินเทอร์เน็ตโดย ESP8266” ซึ่งเป็นการควบคุมและแสดงผลบน NETPIE โดยมีทั้ง freeboard widgets และ feeds ผู้เขียนได้แก้ไขโปรแกรมนี้ให้ใช้งานได้กับบอร์ด LOLIN32 + LAG3 ในรูปที่ 12 โดยคงส่วนของ microgear functions และการตั้งค่าใน NETPIE ไว้เหมือนเดิมทุกประการ รูปที่ 17 แสดงผลการทดสอบ ทุกองค์ประกอบสามารถทำงานได้ถูกต้องเช่นเดียวกับการใช้ ESP8266

รูปที่ 17 การทดสอบองค์ประกอบหลักทั้งหมดบน NETPIE กับ ESP32 และไลบรารี “แล่มเลย”

ตัวอย่างโปรแกรม ex6_4_ESP32demo.zip

สรุป

บทความนี้เป็นการแนะนำการพัฒนาบน ESP32 เบื้องต้น โดยเน้นการติดตั้งส่วนประกอบทางซอฟต์แวร์เพื่อให้สามารถใช้ Arduino IDE กับบอร์ด ESP32 จนถึงการติดตั้ง “แล่มเลย” ESP32 Microgear libarary ที่ช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารกับ NETPIE เราได้เรียนรู้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและวิธีการแก้ไขเบื้องต้น ซึ่งในอนาคตปัญหาเหล่านี้คงจะถูกแก้ไขโดยผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในแต่ละส่วน

ตามความเห็นของผู้เขียนคือ ESP32 เป็นชิพที่มีสมรรถนะและข้อได้เปรียบหลายประการเทียบกับ ESP8266 แต่ด้วยความที่ซอฟต์แวร์หลายส่วนยังอยู่ระหว่างพัฒนาทำให้การเรียนรู้ในช่วงเริ่มต้นนี้อาจจะมีอุปสรรคบ้าง รวมถึงการนำไปใช้งานอุตสาหกรรมจริงในช่วงนี้ต้องพึงระลึกถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากข้อผิดพลาดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นอกจากนั้น หากท่านต้องการสร้างอุปกรณ์ IoT ง่ายๆ ใช้วัดอุณหภูมิ ความชื้น รดน้ำต้นไม้ ต้องการอินพุตแอนะล็อกแค่ช่องเยว สื่อสารผ่าน WiFi เท่านั้น ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ ESP32 ที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

แต่หากท่านทนรอไม่ไหวที่จะรอให้เครื่องมือพัฒนาเริ่มนิ่ง ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

ลิงก์อ้างอิง

  1. www.ioxhop.com
  2. ESP32_Microgear “แล่มเลย”
  3. https://netpie.io

No comments:

Post a Comment

แนะนำหนังสือ “ตัวควบคุมป้อนกลับบนอินเทอร์เน็ตโดย ESP8266”

ปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) คงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก ในยุคที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นกิจวัตรประจำวันของมนุษย์เ...